top of page
  • nanakor59

ผีมีจริงหรือไม่ เบื้องหลังเรื่องลี้ลับ



ผีมีจริงหรือไม่ คนส่วนใหญ่ที่เชื่อเรื่องผีอาจเป็นเพราะมีประสบการณ์โดยตรง เติบโตในบ้านที่เชื่อว่ามีวิญญาณอาศัยอยู่ได้รับประสบการณ์จากสถานที่ที่เชื่อว่ามีผีสิงอยู่ หรือความเชื่อที่เกิดขึ้นจากเรื่องเล่าขานต่างๆ โดยหลายคนเชื่อว่าการมีอยู่จริงของผีนั้นจะสามารถใช้วิทยาศาสตร์สมัยใหม่มาอ้างอิงหรืออธิบายได้ ซึ่งตั้งแต่ในอดีตนักวิทยาศาสตร์พยายามหาสารพัดวิธีเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับโลกวิญญาณ ประดิษฐ์อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อหาข้อมูลสนับสนุน แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับในวงการวิทยาศาสตร์ซะทีเดียว ตัวอย่างที่พบบ่อยของการอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ที่มีหลายรูปแบบเกี่ยวกับผี หรือประสบการณ์ที่คนคิดว่าการเจอผีเข้าแล้ว เช่น


  • วิทยาศาสตร์เทียม โลกปัจจุบันที่มีการพัฒนาความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีล้ำหน้า การใช้วิทยาศาสตร์เพื่อวิเคราะห์และให้เหตุผลอธิบาย ทำให้การอธิบายนั้นๆ มีความน่าเชื่อถือและมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น รายการเรียลิตี้โชว์ล่าผี จึงรับบทบาทเป็นนักวิทยาศาสตร์ มีการใช้เครื่องมืออุปกรณ์เพื่อตรวจจับพลังงานบางอย่าง พยายามค้นหาหลักฐานที่เป็นรูปธรรม ตอกย้ำความเชื่อ และนำมาอธิบายว่าสิ่งที่ตรวจจับได้นั้น คืออะไรกันแน่ การไล่ล่าผีเปลี่ยนรูปแบบจากดั้งเดิมมีการใช้วิทยาการสมัยใหม่ มีการอธิบายให้สอดคล้องกับหลักทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ แต่ในความจริงแล้ว นักล่าผีเหล่านี้ ไม่ได้มีการพิสูจน์สิ่งเหนือธรรมชาติตามแบบแผนของวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง มีเพียงการตรวจจับสัญญาณหรือการเคลื่อนไหวบางอย่างด้วยเครื่องมือ เช่น เครื่องตรวจจับสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (EMF) อุปกรณ์ตรวจวัดไอออน เครื่องวัดกัมมันตรังสีไกเกอร์เคาน์เตอร์ (Geiger counter) กล้องอินฟราเรด และไมโครโฟนความไวสูง เป็นต้น และนำมาอ้างว่า คือ การปรากฏตัวของผี จนทำให้กลายเป็นวิทยาศาสตร์เทียม (Pseudoscience) ไปในที่สุด ผนวกกับแฟนรายการที่มีความเชื่อเรื่องผีอยู่แล้ว ทำให้ปักใจเชื่อเรื่องผีได้ง่ายขึ้น

  • พลังงานที่เปลี่ยนรูป นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักหลายคนในอดีตพยายามอธิบายการมีอยู่ของผี เช่น นักประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าก่อนที่เขาจะเสียชีวิตเอดิสันได้รวมตัวกับนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ประดิษฐ์ลำโพงเครื่องปั่นไฟและอุปกรณ์ทดลองอื่นๆ เพื่อบันทึกเสียงและการปรากฏตัวของคนตาย โดยตั้งสมมติฐานว่า หากผีคือพลังงานรูปแบบหนึ่ง ก็น่าจะสามารถสื่อสารกับคนที่มีชีวิตได้

  • อำนาจของจิต จิตและความคิดของคนเราเป็นสิ่งที่ทรงพลังอำนาจเหนือว่าที่คนเราคิดไว้คนเรามักจะคิดว่าตัวเองเป็นนักคิดที่มีเหตุผล แต่บ่อยครั้งที่คนเรามีความคิดที่เอนเอียงทำให้เราเข้าใจผิดพยายามเชื่อมโยงเหตุการณ์หรือจินตนาการที่สอดคล้องกับสิ่งที่ได้รับรู้มา เช่น หากมีคนบอกว่าตึกหลังนี้มีผีสิงอยู่เมื่อคนเราได้ยินเช่นนั้น เราจะเริ่มสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ผิดปกติ ได้ยินเสียงที่ไม่สามารถอธิบายได้ และคิดว่าสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นจากผีจริงๆ นอกจากนี้คนเรามีแนวโน้มที่จะเชื่อเรื่องผีมากขึ้น แม้ว่าตัวเราเองเข้าใจผิดเกี่ยวกับสิ่งที่เห็นหรือได้ยินมาแต่หากมีเพื่อนหรือใครก็ตามที่อยู่ตรงนั้น สนับสนุนความเชื่อเดียวกันก็จะทำให้เรายิ่งคล้อยตามกับความคิดนั้นๆ จิตและความคิดของเราสามารถจินตนาไปได้อย่างไร้ขอบเขต ซึ่งทำให้ในบางครั้งเราจึงไม่สามารถไว้ใจสิ่งที่เราเห็นได้ยินหรือสิ่งที่สมองเราคิดได้เสมอไป

บทความที่น่าสนใจ : เรื่องลี้ลับ

4 views
bottom of page